โรคกระดูกพรุน ภัยอันตรายสำหรับวัยทอง ซึ่งโรคนี้ถือเป็นภัยเงียบที่น่ากลัว นั่นก็เพราะว่า โรคกระดูกพรุนมักเป็นภัยเงียบที่เกิดการสะสมในร่างกายมานาน โดยที่ผู้ป่วยไม่ทราบ เพราะไม่มีอาการแต่อย่างใด จนกว่าจะเกิดอุบัติเหตุกระดูกหัก จึงทำให้คนจำนวนมากไม่ทราบว่า สภาวะกระดูกของตนเองนั้นบางไปมากน้อยเพียงใดแล้ว และไม่ได้สนใจที่จะดูแล ป้องกันอย่างจริงจัง
เมื่อเวลาผ่านไป อายุเริ่มมากขึ้น ความแข็งแรงของกระดูกย่อมเสื่อมถอยลง การดูแลใส่ใจควรมีมากขึ้น แต่คนส่วนใหญ่จะไม่ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ กว่าจะรู้ก็เมื่อกระดูกพรุนและเกิดการสึกหรอเกินกว่าจะดูแล โดยเฉพาะสตรีวัยหมดระดูจะเป็นช่วงที่มีการสูญเสียมวลกระดูกอย่างรวดเร็ว ซึ่งในวัยหมดระดูจะมีการลดลงของฮอร์โมนเพศหญิงที่มีชื่อว่า “เอสโตรเจน”
ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดภาวะกระดูกพรุน (Osteoporosis)
แม้โรคกระดูกพรุนเป็นโรคที่พบได้กับทุกเพศ ทุกวัย และพบมากขึ้นเมื่อมีอายุมาก ถ้าหากเรารู้ถึงปัจจัยเสี่ยงของโรคกระดูกพรุน จะช่วยให้สามารถหลีกเลี่ยงหรือแก้ไขได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพและช่วยป้องกันการเกิดหรือลดความรุนแรงของโรคกระดูกพรุนได้
ปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้
เพศหญิงอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป
มีรูปร่างผอมบาง
เคยผ่าตัดรังไข่ทั้งสองข้างก่อนอายุ 45 ปี เนื่องจากขาดฮอร์โมนเพศ จึงเริ่มสูญเสียมวลกระดูกอย่างรวดเร็ว
ปัจจัยเสี่ยงที่สามารถปรับเปลี่ยนได้
- การบริโภคแคลเซียมไม่เพียงพอ
- สูบบุหรี่ สารพิษนิโคตินเป็นตัวทำลายเซลล์สร้างมวลกระดูก ทำให้กระดูกบางลง
- ดื่มกาแฟ ชา แอลกอฮอล์มากกว่า 3 แก้วต่อวัน หรือน้ำอัดลมมากกว่า 4 กระป๋องต่อสัปดาห์
- ได้รับยากลุ่มสเตียรอยด์นานเกิน 3 เดือน
- มีภาวะเสี่ยงต่อการหกล้ม
- ขาดการออกกำลังกาย
การวินิจฉัยภาวะกระดูกพรุน ใช้ผลการตรวจความหนาแน่นของมวลกระดูกด้วย วิธีDual Energy X-Ray Absorptiometry (DEXA)
การรักษาภาวะกระดูกพรุน แบ่งเป็น 2 วิธี คือ
1. การรักษาโดยไม่ใช้ยา โดยลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่กล่าวไปแล้ว และเน้นภาวะโภชนาการที่มีแคลเซียม และวิตามินดีที่เพียงพอต่อร่างกาย การออกกำลังกาย นอกจากจะช่วยสร้างกระดูกแล้ว ยังเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ข้อต่อ ตลอดจนช่วยเรื่องการทรงตัวด้วย
2. การรักษาโดยใช้ยา มีหลากหลายชนิด ขึ้นอยู่กับแพทย์ที่ดูแล และพิจารณาถึงประสิทธิภาพ ผลข้างเคียง และความสะดวกในการใช้ยาของผู้ป่วย
วิธีป้องกันโรคกระดูกพรุน
1) รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะแคลเซียมและวิตามินดี ซึ่งเป็นแร่ธาตุสำคัญในการเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง
2) ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
3) งดสูบบุหรี่
4) หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์รวมถึงสารคาเฟอีน เนื่องจากมีผลทำลายกระดูก
5) ตรวจร่างกายเป็นประจำ โดยเฉพาะเมื่อมีอายุ 50 ปีขึ้นไป ควรเข้ารับการตรวจวัดกระดูกเพื่อป้องกันการเสื่อมแต่เนิ่นๆ
ดังนั้น การป้องกัน คือ ทางเลือกที่ดีที่สุด ทุกท่านควรตระหนักว่า ภาวะกระดูกพรุนเป็นภัยเงียบ เราควรดูแลสุขภาพของกระดูกตั้งแต่เด็กหรือก่อนวัยหมดระดู หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงและควรได้รับการตรวจคัดกรองกระดูกพรุนในกลุ่มเสี่ยง ได้รับการดูแล รักษา ป้องกันกระดูกอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ
ขอขอบคุณ
ข้อมูลอ้างอิงจากhttps://www.bangpakokhospital.com/