มะเร็งตับ (Liver Cancer)เกิดขึ้นเมื่อเซลล์บริเวณตับมีลักษณะหรือการทำงานผิดปกติแล้วพัฒนาเป็นมะเร็งในที่สุด หรืออาจเกิดจากการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งจากบริเวณอื่นมายังตับก็ได้ ซึ่งมะเร็งตับส่วนใหญ่ก็มักมีที่มาจากสาเหตุหลังนี้ ผู้ป่วยโรคมะเร็งตับมักไม่แสดงอาการจนกว่าจะมีขนาดใหญ่ขึ้นมากซึ่งเป็นระยะที่ยากต่อการรักษา
อาการโรคมะเร็งตับ โรคมะเร็งตับมักไม่มีสัญญาณหรืออาการบ่งบอกในระยะแรกเริ่ม จนเมื่อมะเร็งพัฒนาถึงขั้นแสดงอาการจึงจะสังเกตได้ดังนี้
1. น้ำหนักลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ
2. ไม่อยากอาหาร รู้สึกอิ่มแม้รับประทานไปเพียงเล็กน้อย
3. คลื่นไส้ อาเจียน
4. เจ็บช่องท้องส่วนบน โดยมักจะปวดบริเวณด้านขวา
5. มีอาการบวมที่ช่องท้องหรือคลำพบก้อนที่ชายโครงด้านขวา เนื่องจากตับโต
6. อาจคลำพบก้อนที่ชายโครงด้านซ้าย เนื่องจากม้ามโต
7. ผิวหนังและตาเหลือง (ดีซ่าน)
8. อุจจาระอาจมีสีซีดลง
9. อ่อนแรงและเหนื่อยล้า
10. มีอาการคัน
11. เป็นไข้
การป้องกันโรคมะเร็งตับ
- การป้องกันมะเร็งตับด้วยตนเองสามารถทำได้โดยการลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่อาจก่อให้เกิดมะเร็งตับ โรคตับแข็งเป็นโรคที่สัมพันธ์กับมะเร็งตับอย่างมาก เนื่องจากจะทำให้เกิดแผลในตับจึงเสี่ยงต่อการพัฒนาเป็นเซลล์มะเร็งที่ตับได้สูง
- การป้องกันมะเร็งตับจึงควรลดปัจจัยต่างๆ ที่อาจนำไปสู่โรคตับแข็งไปด้วย ได้แก่ การดื่มแอลกอฮอล์ให้พอดี หมั่นออกกำลังกาย ควบคุมน้ำหนักไม่ให้มากเกินไป โดยรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และลดปริมาณไขมันที่บริโภค
- การป้องกันไวรัสตับอักเสบบี ทำได้ด้วยการฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี ซึ่งมีประสิทธิภาพในการป้องกันมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ และสามารถฉีดได้ทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นเด็กทารก ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ หรือแม้แต่ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอก็ตาม ส่วนไวรัสตับอักเสบซี ในปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
การหลีกเลี่ยงการติดต่อเชื้อทั้ง 2 ชนิดจากผู้อื่น ยังทำได้ด้วยการสร้างสุขอนามัยที่ดี เช่น ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนที่เสี่ยงติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ไม่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น เป็นต้น
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ?กับวิธีการป้องกันโรคมะเร็งตับของเรา เป็นวิธีการที่ง่ายแสนง่าย ดิฉันเชื่อว่า หากทุกคน ตระหนักถึงความสำคัญของโรคนี้ ใส่ใจ ย่อมหลีกหนีห่างไกลจากโรคนี้ อย่างแน่นอนค่ะ
ขอขอบคุณ
ข้อมูลอ้างอิงจากhttps://www.pobpad.com